ประโยชน์ในการออกกำลังกาย
รูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม เป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีแรงกระแทก หรือแรงปะทะ เช่น
ข้อปฏิบัติในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไปไม่ควรออกกำลังกายในท่านอนหงายเพราะอาจทำให้มดลูกไปกดทับเส้นเลือดจนทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
อาการปวดหลังในขณะตั้งครรภ์ สาเหตุ เนื่องจากในขณะตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ทำให้ข้อต่ออ่อนตัวและมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมตัวในการคลอดบุตรและเมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะมีการปรับตัวโดยมีการหดตัวของกล้ามเนื้อหลังและข้อต่อเพื่อรักษาสมดุลร่างกายไว้ให้ไม่ล้ม ทำให้เกิดภาวะหลังแอ่นมากขึ้น ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์มีอาการปวดหลังส่วนล่างมากขึ้น ซึ่งการบริหารร่างกายในระยะตั้งครรภ์จะช่วยลดอาการปวดหลัง เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง และหน้าท้อง ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ดีขึ้น
การป้องกันอาการปวดหลังขณะตั้งครรภ์
การรักษาท่าทางให้อยู่ในอิริยาบถที่ถูกต้อง : ท่านอน ในช่วงไตรมาสแรกการนอนหงายให้เอาหมอนหรือผ้ารองใต้เข่า เพื่อลดความตึงตัวของหลังและขา ในช่วงไตรมาสที่ 2 -3 ขนาดท้องเริ่มใหญ่ขึ้น แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยสามารถหาหมอนมารองด้านหน้าและด้านหลังเพื่อให้คุณแม่ผ่อนคลายหลับสบายได้ดีขึ้น
การจัดท่านั่ง : นั่งเก้าอี้ที่มีพนังพิง นั่งเก้าอี้ที่มีที่รองขาให้ขาได้เหยียดผ่อนคลาย ป้องกันเท้าบวมในกรณีนั่งนานๆ ในขณะที่มีการนั่งให้กระดกข้อเท้าขึ้นลง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนจากส่วนปลายไปส่วนต้น ลักษณะเก้าอี้ต้องไม่ต่ำจนเกินไป ( ระดับสะโพกไม่ต่ำกว่าเข่า )
1. ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่ไม่มั่นคงเช่นเก้าอี้มีล้อ
2.ไม่ควรนั่งหลังงอ
ท่าทางการยกของ : หากต้องหยิบของจากพื้น ไม่ก้มลงไปตรงๆ ให้ใช้วิธีก้าวขาและย่อเข่า พยายามรักษาแนวกระดูกสันหลังให้อยู่ในระดับแนวตรง ไม่ยกสิ่งของที่น้ำหนักมากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลังและกระดูกสันหลังได้
ท่าที่ 1 : นั่งหลังตรง แบะขา จากนั้นยกแขนด้านซ้ายขึ้นให้สุด พร้อมกับเอียงตัวไปด้านขวา จะรู้สึกตึงบริเวณหลังและด้านข้างลำตัว จากนั้นกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำ10 ครั้ง
ท่าที่ 2 : นอนหงาย ชันเข่าขึ้นทั้ง 2 ข้าง จากนั้นออกแรงกดหลังส่วนเอวให้ติดเตียง พร้อมกับกระดกเชิงกรานขึ้นเล็กน้อย ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ยืนหลังพิงกำแพง ออกแรงกดหลังช่วงเอวให้ติดกำแพง พร้อมกระดกก้นขึ้นเล็กน้อย ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 3 : นอนหงายชันเข่า ออกแรงยกก้นขึ้นให้ลำตัวเป็นแนวเส้นตรง จากนั้นค่อยๆวางลงกลับสู่ท่าเดิม
ท่าที่ 4 : นอนตะแคง งอเข่าด้านล่าง จากนั้นค่อยๆกางขาด้านบนทำมุมประมาณ 45 องศา โดยให้ขาเหยียดตรงตลอดเวลา จากนั้นวางขากลับสู่ท่าเดิม
ท่าที่ 5 : อยู่ในท่าตั้งคลาน จากนั้นค่อยเหยียดขาหนึ่งไปด้านหลังให้ตรงขนาน กลับพื้น แล้วค่อยวางขาลงกลับที่เดิม
ท่าที่ 6 : อยู่ในท่าตั้งคลาน หลังตรง สูดหายใจเข้า แขม่วท้องพร้อมกับโก่งหลังขึ้น ก้มหน้าเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆผ่อนคลาย ดึงหลังลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
ท่าที่ 7 : ยืนหันหน้าเอามือยันกำแพง เอาขาด้านที่ต้องการยืดไปด้านหลัง งอเข่า ด้านหน้าพร้อมกับถ่ายน้ำหนักไปที่ขาด้านหน้า
ท่าที่ 8 : ยืนกางขากว้างระดับไหล่ เอามือเท้าเอว ออกแรงเขย่งเท้าขึ้นโดยให้หลังอยู่ ในแนวตรง จากนั้นค่อยๆวางลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น
ท่าที่ 9 : ยืนกางขาทั้ง 2 ข้างให้มีระยะห่างเท่าช่วงระดับไหล่ ค่อยๆย่อเข่าลง เหมือนจะนั่งเก้าอี้ โดยไม่ให้เข่าเลยเท้า จากนั้นค่อยๆยืดตัวกลับ