เมื่อร่างกายย่อมมีความเสื่อมโทรมและถดถอยลง รวมถึงการใช้งานมาอย่างยาวนาน และขาดการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งหนึ่งในอวัยวะที่เสื่อมโทรมและเกิดปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยนั่นก็คือ “ข้อเข่า”
ปัญหาข้อเข่าเสื่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยมักจะรู้สึกเจ็บปวดจากการเดิน หรือการนั่ง นอนก็ตาม ในบางรายที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงจะรู้สึกปวดเข่ามากๆ และไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างสะดวก เช่น การขึ้น – ลงบันได การนั่งเพื่อขับถ่าย
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม Total knee arthroplasty เป็นทางเลือกเพื่อการรักษาข้อเข่าเสื่อม โดยก่อนเข้ารับการผ่าตัดนั้นผู้ป่วยจะได้รับการตรวจร่างกายร่วมกับการเอกซเรย์ข้อเข่า เพื่อประกอบการวินิจฉัยประเมินระดับความรุนแรงของการข้อเข่าเสื่อม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
อาการข้อเข่าเสื่อม
การรักษาข้อเข่าเสื่อม ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย
ชนิดข้อเข่าเทียมที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด : ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจำเป็นต้องงดยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน และยาแก้อักเสบบางตัว เป็นต้น ตรวจร่างกายทั่วไปอย่างละเอียด ตรวจเลือด ปัสสาวะ และเอกซเรย์ รวมถึงการตรวจฟัน หากมีการติดเชื้อควรรักษาก่อนการผ่าตัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อในกระแสเลือด
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด : หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง ป้องการการติดเชื้อเข้าสู่แผลที่ผ่าตัด หากเกิดอาการแดงขึ้น ปวดขึ้น และรับประทานแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น คนไข้ควรรีบพบแพทย์ ข้อปฏิบัติที่ควรงดเว้น เช่น
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง ป้องการการติดเชื้อเข้าสู่แผลที่ผ่าตัด หากเกิดอาการแดงขึ้น ปวดขึ้น และรับประทานแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น คนไข้ควรรีบพบแพทย์ ข้อปฏิบัติที่ควรงดเว้น เช่น
2. งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวแรงๆ หรือการเล่นกีฬาหนักๆ คนไข้สามารถเดินออกกำลังกายเป็นระยะทางสั้นๆ ได้ทุกๆ 2 ชั่วโมง
3. หลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นที่ไม่เรียบขรุขระ ส่วนการนั่ง ควรนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงและมีที่วางแขนเพื่อช่วยพยุง
การป้องกันอาการเข่าเสื่อม
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม วิธีการรักษาแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรง โดยจะมีการซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดและวินิจฉัยอาการ ซึ่งสามารถบอกถึงความรุนแรงของโรค โดยแพทย์จะประเมินอาการ พร้อมวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
ให้ความรู้โดย : นายแพทย์วิโรจน์ ลาภไพบูลย์พงศ์ (แพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อ)